ACME

WORAWAT

แอ็คมี่ วรวัฒน์
ในบทบาทของการเป็น

นักธุรกิจ
หากจะให้เล่าถึงความเป็นมาก่อนที่แอ็คมี่จะกลายมาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแห่งโลกการเงินสมัยใหม่อย่างในทุกวันนี้ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเขาได้ผ่านการลองผิดลองถูกกับการทำธุรกิจหลากหลายรูปแบบ โดยอาศัยความชาญฉลาด ความคิด สร้างสรรค์ และมีหัวทางด้านธุรกิจของตัวเองที่มีมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เริ่มจาก การเปิดร้านกิ๊ฟช็อป ร้านก๋วยเตี๋ยว เป็นครูสอน-ให้เช่าและจำหน่ายเครื่องดนตรี และ ยังได้มีโอกาสทำงานด้านสิ่งพิมพ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในขณะที่กำลัง เรียนอยู่ จากนั้นก็มาเปิดบริษัท All Media และค่ายเพลง All Music ตามมาด้วย การเปิดผับ ร้านหมูกระทะ ทำ Production House
จนกระทั่งมาเปิด Acme Investor และ Acme Traderist เพื่อสอนเทรดโดยไม่เก็บ ค่าใช้จ่าย ทำให้มีแฟนเทรดที่รักและศรัทธาในตัวเขามากมายทั่วประเทศจวบจน ทุกวันนี้ ซึ่งทั้งหมดคือการเรียนรู้ประสบการณ์รวมไปถึง Connection ที่ได้รับทำให้ เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง หล่อหลอมจนเป็นตัวตนซึ่งส่งผลต่อเส้นทางในอนาคต ของเขาทั้งสิ้น
จนกระทั่งได้มารู้จักกับคริปโทเคอร์เรนซี และพบความเป็นไปได้ที่คริปโตจะเปลี่ยนโลก การเงินแห่งอนาคต จึงได้เข้าไปศึกษาอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการขุด การสร้าง เหมืองพร้อมกันนั้นเขาก็ได้รู้จักโลกของ Forex ทำให้เห็นโอกาสและเกิดความหลงใหล ในการเทรด จึงใช้เวลากว่า 10 ปีในการเทรดและศึกษาแบบลงลึก ทำให้เห็น “Pain Point” บางอย่างของวงการนี้อย่างทะลุปรุโปร่งและอยากจะลงมือทำอะไรสักอย่าง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมคริปโตของไทยให้มีมาตรฐานและก้าวสู่ระดับโลกให้ได้
จึงเป็นที่มาของการเปิด “Bitnance” บริษัท Fintech ของคนไทย โดยแนวคิดของ แอ็คมี่ ชื่อ “Bitnance” มาจากคำว่า Bitcoin + Finance นั่นเอง ซึ่งเงินลงทุนก้อน แรกมาจากการขาย Bitcoin ที่มีในมือที่เขาถือครองไว้เป็นจำนวนมาก จากการขุด ในช่วงเริ่มต้นของเหรียญ รวมถึงการกว้านซื้อในช่วงที่ราคาร่วงลงมา จนถึงกระทั่ง วันที่ราคาพุ่งสูงขึ้นจนมีมูลค่าแตะที่ 1,000,000 บาทต่อเหรียญ เขาจึงได้ขาย บางส่วนออกไปแล้วนำเงินที่ได้มาลงทุนนั่นเอง

เดินหน้าธุรกิจในฝันสร้าง

BITNANCE
เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะเปิดบริษัท Bitnance แอ็คมี่จึงลงมือทำฝันนี้ให้เป็นจริง โดยเริ่มต้นจากการฟอร์มทีม แต่เนื่องจากยังไม่มีการตัดสินใจเรื่องที่ตั้งของออฟฟิศ เขาจึงได้ไปเช่าห้องประชุมที่ CDC (Crystal Design Center) และลงมือสัมภาษณ์พนักงานรุ่นแรกนับร้อยคนด้วยตัวเอง พร้อมดึง Dev (Developer) มือดีที่เคยร่วมงานให้กลับมาช่วย ภายหลังจึงตัดสินใจเลือกย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา บริเวณใกล้ห้างเซ็นทรัลอิสต์วิลล์เป็นที่ตั้งออฟฟิศ มีพื้นที่ใช้สอย รวมกว่า 5,500 ตารางเมตร สามารถรองรับพนักงานได้มากถึง 500 คน โดยตัวเขาเองได้ขึ้นแท่นเป็น CEO และเปิดตัว บริษัท Bitnance อย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2564 ด้วยทุนจดทะเบียนสูงถึง 150 ล้านบาท (ชำระเต็ม)

โดย Bitnance มีเป้าหมายในการสร้างประสบการณ์การลงทุนเหนือระดับให้กับผู้ใช้บริการ “ผลิตภัณฑ์ของบริษัท” ด้วยเทคโนโลยี ที่ทันสมัย รวดเร็ว ใช้งานง่าย และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดีตามที่กฎหมายกำหนดอย่าง เคร่งครัด ซึ่งยึดเป็นหลักสำคัญในการบริหารจัดการ นอกจากนี้เขายังคงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความรู้ให้คนไทยได้เข้ามาเรียนรู้ เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดระดับสากล จึงมีการเปิดพื้นที่ “Traderist Hall” เพื่อให้ความรู้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมมุ่งมั่นที่จะ พัฒนาศักยภาพนักเทรด และนักลงทุนในประเทศไทยให้มีความรู้ในการเทรดอย่างถูกต้องตามอุดมการณ์ที่ยึดถือมาอย่างยาวนาน
จับมือกับ
Fireblocks
สตาร์ตอัประดับยูนิคอร์น
Bitnance ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท Fireblocks สตาร์ตอัประดับ ยูนิคอร์นของอเมริกา ให้เข้ามาช่วยดูแลด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลของ Bitnance ด้วยเทคโนโลยีที่มี ความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้เชื่อมต่อการทำธุรกรรมด้านการเทรดสกุลเงินดิจิทัลอย่างปลอดภัย ผ่าน Fireblocks Network ซึ่งมี พันธมิตรกว่า 1,800 รายทั่วโลก
ซึ่งแน่นอนว่าการเลือก Fireblocks มาเป็น พาร์ทเนอร์ ก็เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจ สินทรัพย์ดิจิทัลของไทยผ่านแพลตฟอร์มที่มีคุณภาพและมาตรฐานทัดเทียมนานาชาติ พร้อมวางรากฐานและเพิ่มขีดความสามารถ ทางการแข่งขันเพื่อรองรับการเติบโตในธุรกิจของ Bitnance ทั้งในประเทศและต่าง ประเทศนั่นเอง
ซึ่งความเคลื่อนไหวของแอ็คมี่เวลานี้กำลังเป็นที่จับตามองเป็นอย่างยิ่ง ว่าเทรดเดอร์ ที่มากความสามารถและมีแนวคิดธุรกิจที่หลากหลายบวกวิสัยทัศน์ล้ำหน้าแบบเขาจะทำอะไรต่อไปใน อนาคต

ก้าวสู่ตลาดโลก

ลงทุนหมื่นล้านใน UAE
ก้าวสำคัญของแอ็คมี่ในการเข้าสู่การเป็นนักธุรกิจระดับโลก คือ การผสานความร่วมมือกับ TransEuro Group บริษัทตัวแทนและให้คำปรึกษาที่ดำเนินธุรกิจในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มานานกว่า 20 ปี มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 735,000 ล้านบาท
โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการลงทุนมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท (300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยเน้นที่เมืองดูไบเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ระดับ Luxury ธุรกิจการบริการ บริการด้านฟินเทค และโอกาสทางการค้าการพาณิชย์ตามยุทธศาสตร์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อวางรากฐานการขยายธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
TransEuro Group เป็นกลุ่มบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทั้งทางกลยุทธ์ ยุทธศาสตร์และมีศักยภาพที่สูงมาก โดยได้รับใบอนุญาตที่สำคัญมากมายจากรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)อาทิ ให้บริการตัวกลางและนายหน้าเชิงพาณิชย์ทุกภาคส่วน (เลขที่ใบอนุญาต 610997), ธุรกิจซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงชิ้นส่วนเครื่องบิน (เลขที่ใบอนุญาต 980011), ธุรกิจที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และแนวทางแก้ปัญหาให้กลุ่มธุรกิจโรงแรมร้านอาหารและร้านกาแฟ (กลุ่ม HORECA) (เลขที่ใบอนุญาต 705922), ที่ปรึกษาด้านการจัดการและบริการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG (เลขที่ใบอนุญาต 1701601.01), การซื้อขายผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบและน้ำมันกลั่น (เลขที่ใบอนุญาต 1071016),การซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำและโลหะมีค่าอื่น ๆ ที่ยังไม่ผ่านการผลิต (เลขใบอนุญาต 1096478)

รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต
สาขาการเงิน

จากมหาวิทยาลัยนานาชาติยุโรป

ในปี 2023 แอ็คมี่ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการเงินจาก
European International University, EIU-Paris หรือ มหาวิทยาลัยนานาชาติยุโรป
โดยผ่านเกณฑ์การคัดเลือกที่สำคัญ คือเป็นผู้มีประสบการณ์เชิงปฏิบัติและความสามารถในสาขาวิชาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับกระบวนการ Validation des Acquis de l'Expérience (VAE) ในประเทศฝรั่งเศส ที่ให้การยอมรับในทักษะและประสบการณ์ที่สั่งสมผ่านการเรียนรู้และการศึกษานอกระบบ เป็นผู้สร้างคุณประโยชน์ที่สำคัญให้แก่ภาคการเงิน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นผู้สร้างทฤษฎีการเทรดเพื่อการอยู่รอด และทำกำไรจากตลาดโลกอย่างยั่งยืนและเผยแพร่ให้แก่บุคคลทั่วไปโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งสร้างแรงขับเคลื่อนเชิงบวกให้แก่ทั้งองค์กรและชุมชนในวงกว้าง โดยหลักเกณฑ์เหล่านี้เป็นพื้นฐานในการคัดเลือกบุคคลที่เป็นเลิศในด้านการเงินของทางมหาวิทยาลัยนานาชาติยุโรป
ซึ่งแอ็คมี่ถือเป็นหนึ่งในบุคคลกลุ่มแรก ๆ ของโลกที่ศึกษาเรื่องราวด้าน Fintech, Cryptocurrency, Blockchain และมีหลักฐานความสำเร็จ เชิงประจักษ์จากการได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย โดยเฉพาะการมีส่วนขับเคลื่อนโลกการเงินอย่างโดดเด่น ทั้งด้านการลงทุน การสร้างพันธมิตร และบทบาทด้านการให้คำปรึกษาในธุรกิจการเงินระดับโลกหลายแห่งได้นำไปสู่ความสำเร็จครั้งใหญ่ และทำให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการเทคโนโลยี การเงินอย่างแท้จริง

อดใจรอหน่อยนะ

หน้าที่คุณค้นหา
ยังไม่เปิดให้บริการ ณ ขณะนี้