Chamath Palihapitiya เผย! คริปโตในสหรัฐฯ ตายแล้ว หลัง SEC พยายามปราบปรามอุตสาหกรรมคริปโตอย่างหนักจนบางบริษัทเริ่มคิดที่จะหนีออกนอกประเทศ
Flickr | TechCrunch เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา Chamath Palihapitiya เศรษฐีและนักลงทุนในวงการคริปโต ได้ออกมาเปิดเผยในรายการพอดแคสต์ “All-In” ว่า เขาคิดว่า อุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ นั้น “ตายแล้ว” หลังหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ พยายามปราบปรามคริปโตอย่างหนัก
โดยคำกล่าวอ้างดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีข่าวว่า Brian Armstrong ผู้บริหารสูงสุดของ Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตในสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยว่า ในตอนนี้บริษัทกำลังพิจารณาเรื่องการย้ายบริษัทออกจากสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (U.S. Securities Exchange Commission: SEC) ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนเกี่ยวกับแผนการดำเนินการทางกฎหมาย (Wells Notice) ไปให้ Coinbase ซึ่งอาจบอกเป็นนัยว่า SEC อาจเตรียมยื่นฟ้อง Coinbase ในข้อหาละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ
Palihapitiya เชื่อว่า สาเหตุที่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจจะมองว่า อุตสาหกรรมคริปโตเป็น “ภัยคุกคาม” ต่อประเทศเป็นเพราะว่า อุตสาหกรรมคริปโตมีการท้าทายอำนาจด้านการกำกับดูแลมากกว่าอุตสาหกรรมของบริษัทสตาร์ตอัปอื่น ๆ ในประเทศ และเขายังได้กล่าวต่อว่า บริษัทคริปโตดี ๆ ในตอนนี้ต้องมาประสบกับปัญหาเพียงเพราะเรื่องแย่ ๆ ที่บริษัทด้านคริปโตอย่าง FTX และบริษัทคริปโตอื่น ๆ ได้ทำเอาไว้
นอกจากนี้ หนึ่งในพิธีกรที่ดำเนินรายการ All-In อย่าง David Sacks ก็ได้เชื่อว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจจะกำลังพยายามกีดกันอุตสาหกรรมคริปโต เพราะกลัวว่า คริปโตอาจจะได้รับความนิยมมากเสียจนไปลดบทบาทของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั่นเอง
ด้านพิธีกรคนอื่น ๆ ในรายการ All-In ก็ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหาด้านการกำกับดูแลคริปโตในปัจจุบันในสหรัฐฯ เช่นกัน โดยพวกเขาเรียกปัญหาด้านการกำกับดูแลที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ว่า “Operation Choke Point 2.0” ซึ่งเป็นความพยายามของ SEC และรัฐบาลสหรัฐฯ ในการขัดขวางไม่ให้ธนาคารถือครองคริปโตและให้บริการแก่บริษัทในอุตสาหกรรมคริปโต
ผู้เขียน สุวิชา หรุ่งเป้า
บรรณาธิการ เขมชาติ เจิมทอง
