ธนาคารกลางสหรัฐประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% พร้อมกับคาดการณ์ว่า อาจปรับขึ้นอีกหนึ่งครั้งในปีนี้ แต่ไม่มีแผนปรับลด แม้นักวิเคราะห์จะมองว่า วิกฤตในภาคธนาคารอาจช่วยชะลอเงินเฟ้อได้


คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (The Federal Open Market Committee: FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve: Fed) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยขยับขึ้นสู่ระดับ 5% จากก่อนหน้านี้ที่อยู่ในระดับ 4.75% ซึ่งการปรับขึ้นดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้และนับว่าเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน โดย Fed กล่าวว่า “การเพิ่มความรัดกุมให้กับนโยบายเพิ่มเติมอาจเป็นสิ่งที่เหมาะสมเพื่อที่จะบรรลุระดับของนโยบายการเงินที่รัดกุมเพียงพอเพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อค่อย ๆ กลับมาอยู่ที่ 2%”

ไม่เพียงเท่านั้น Fed ยังคาดว่า อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายหรืออัตราดอกเบี้ยสูงสุดจะอยู่ในระดับ 5.1% ในปี 2023 ซึ่งบอกเป็นนัยว่า อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในปีนี้ ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ก่อนการประชุมของ FOMC ว่า ในปีนี้ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทว่าการคาดการณ์ดังกล่าวก็ต้องจบลง เมื่อ Jerome Powell ประธาน Fed ได้ออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่า สมาชิกของ FOMC ไม่มีแผนปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แม้จะมีการคาดการณ์ว่า ความปั่นป่วนในภาคการธนาคารอาจเพิ่มความรัดกุมให้กับเงื่อนไขสินเชื่อ และช่วยลดอัตราเงินเฟ้อได้

นอกจากนี้ Powell กล่าวอีกว่า ก่อนที่การประชุมดังกล่าวจะเกิดขึ้น Fed ได้มีการพิจารณาการหยุดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว แต่เนื่องด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ส่งผลให้ Fed จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดต่อไปเพื่อผลักดันให้นโยบายการเงินเข้าสู่ขอบเขตที่รัดกุม โดย FOMC ได้มีการปรับการคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อสำหรับปีนี้และปีหน้าให้สูงขึ้นด้วย

ข่าวการล้มลงของธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินของ Fed โดย Fed ระบุว่า “ระบบธนาคารของสหรัฐฯ นั้นแข็งแรงและยืดหยุ่น โดยสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มที่จะส่งผลให้เงื่อนไขสินเชื่อมีความเข้มงวดมากขึ้นสำหรับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ และส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ”

ด้าน Pantheon Macroeconomics บริษัทให้บริการด้านการวิจัยเศรษฐกิจมหภาค ระบุว่า ทางบริษัทคิดว่า ความเสี่ยงของการเร่งเพิ่มความเข้มงวดให้กับเงื่อนไขสินเชื่อนั้นค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากผลสำรวจของทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้แสดงให้เห็นว่า มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อนั้นเข้มงวดมาเป็นระยะเวลาหนึ่งปีแล้ว


ผู้เขียน ธีราภรณ์ สินธุสิงห์

บรรณาธิการ เขมชาติ เจิมทอง


เผยแพร่เมื่อ : 2023-03-23 16:23:38

อดใจรอหน่อยนะ

หน้าที่คุณค้นหา
ยังไม่เปิดให้บริการ ณ ขณะนี้