Jerome Powell เผยในงานเสวนาของสมาคมเศรษฐกิจแห่งกรุงวอชิงตันว่า เงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลงแล้ว แต่ยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งเอาไว้-ตลาดแรงงานยังร้อนแรง ทำให้อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve: Fed) ได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งกรุงวอชิงตัน (Economic Club of Washington) โดยระบุว่า “เราคาดไม่ถึงว่า รายงานการจ้างงานในเดือนมกราคมจะแข็งแกร่งขนาดนี้ แต่สิ่งนี้ทำให้คุณรู้เหตุผลว่าทำไมเราถึงคิดว่า นี่เป็นกระบวนในการลดอัตราเงินเฟ้อที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน เนื่องจากตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ”
ไม่เพียงเท่านั้น Powell ยังเสริมอีกว่า Fed กำลังพยายามที่จะ “บรรลุเป้าหมายของนโยบายเพียงนโยบายเดียวที่มีความเข้มงวดอย่างมากเพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อลดเหลือ 2% เมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งเรายังไม่คิดว่า เราทำสำเร็จแล้ว” อย่างไรก็ตาม Powell กล่าวว่า เป็นเรื่อง “ดี” ที่เงินเฟ้อเริ่มลดลงแล้ว และไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายต่อตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งนี้ โดยรายงานการจ้างงานอันแข็งแกร่งที่ปล่อยออกมาในสัปดาห์ที่แล้ว แสดงให้เห็นว่า ในเดือนมกราคม 2566 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 517,000 ตำแหน่ง ในขณะที่อัตราการว่างงานก็ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 53 ปี
ถ้อยแถลงล่าสุดของ Powell ส่วนใหญ่เป็นบทสรุปของสุนทรพจน์ก่อนหน้านี้ของเขาหลังจากที่ Fed ได้ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ 0.25% ซึ่งการที่ถ้อยแถลงดังกล่าวแทบจะไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับนโยบายการเงินเลยก็ทำให้ Fed มีตัวเลือกที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือพักการขึ้นดอกเบี้ยก็ได้
ถึงกระนั้น นักวิเคราะห์บางคนมองว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวของ Powell นั้นเป็นสัญญาณที่ชี้ว่า Fed อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก โดยบริษัทให้บริการทางการเงินระดับโลกอย่าง Morgan Stanley ระบุในบันทึกของตนว่า “หลังจากการปรากฎตัวของ Powell เรากำลังจะเพิ่มการขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ไปไว้ในการคาดการณ์ผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee: FOMC) ในเดือนพฤษภาคมด้วย ทำให้การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสูงสุดของเราจะอยู่ที่ 5% - 5.25%”
ผู้เขียน ธีราภรณ์ สินธุสิงห์
บรรณาธิการ เขมชาติ เจิมทอง