ปริมาณการซื้อขายคริปโตบนแพลตฟอร์มรายใหญ่ในอินเดียดิ่งระนาว หลังรัฐประกาศเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 1% ต่อหนึ่งธุรกรรมไปเมื่อ 1 ก.ค.
หลังจากที่อินเดียได้ประกาศใช้การเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Tax Deducted at Source: TDS) ในอัตรา 1% ต่อหนึ่งธุรกรรมไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจะเรียกเก็บจากสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Non-Fungible Token (NFT), สกุลเงินคริปโต, โลกเสมือน Metaverse หรือ การทำธุรกรรมประเภทใดก็ตามที่เกิดขึ้นบนบล็อกเชนสาธารณะ ล่าสุดปริมาณแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์ม BitBNS และ CoinDCX ลดลง 37.4% และ 90.9% ตามลำดับในวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา บัญชี Twitter ของช่อง Youtube อินเดียที่ใช้ชื่อว่า Crypto India ได้ออกมาทวีตว่า รายได้ของแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินคริปโตที่ได้จากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 0.1% ดิ่งลงอย่างมากเนื่องจากปริมาณการซื้อขายนั้นอยู่ในระดับต่ำ โดยเขาได้แสดงรายได้ของแพลตฟอร์ม WazirX, CoinDCX และ Zebpay ซึ่งมีรายได้รวมกันทั้งหมดเพียง 21,649 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันเท่านั้น
ด้านนักเทรดสกุลเงินคริปโตจากมุมไบอย่าง Shounak Shetty ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีดังกล่าว ก็ได้เผยต่อสำนักข่าว The Economic Times เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ตนเชื่อว่า การเก็บ TDS และภาษีเงินได้จากการซื้อขายสกุลเงินคริปโตในสัดส่วน 30% ในประเทศอินเดียนั้นจะนำไปสู่วิกฤติการณ์สมองไหล
“เช่นเดียวกับนักเทรดอีกหลายคน ผมกำลังพยายามคิดว่า ผมจะยังสามารถทำกำไรบนแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินคริปโตของอินเดียได้อยู่อีกหรือไม่ เหตุการณ์นี้จะก่อให้เกิดภาวะสมองไหล หมู่นักเทรดมืออาชีพจะย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศอื่น ๆ ที่เป็นมิตรกับสกุลเงินคริปโตมากกว่านี้ ดังเช่น เมืองดูไบ ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” Shetty กล่าว
โดยการเรียกเก็บ TDS นี้จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 3 เดือนเพื่อทดลองว่า แผนการดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อตลาดสกุลเงินคริปโตอย่างไรบ้าง โดย ณ ตอนนี้ ถึงแม้ว่าปริมาณการซื้อขายจะอยู่ในระดับต่ำ แต่เจ้าหน้าที่รัฐของอินเดียยังต้องการที่จะติดตามผลการทดสอบไปอีกสักระยะ
ผู้เขียน เขมชาติ เจิมทอง
บรรณาธิการ สกรรจ์ ศิริวงษ์