IMF แนะนำเอลซัลวาดอร์ให้ยกเลิกใช้บิตคอยน์เป็นเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงต่อภาคการเงินและความปลอดภัยของผู้บริโภค
สมาชิกคณะบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) กำลังแนะนำให้ผู้บัญญัติกฎหมายในประเทศเอลซัลวาดอร์ให้ยกเลิกสถานะของบิตคอยน์ในการเป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (Legal Tender) โดยทาง IMF รายงานเมื่อวันอังคารที่ 25 มกราคมที่ผ่านมาว่า ถึงแม้การชำระเงินแบบดิจิทัลจะสามารถเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศเอลซัลวาดอร์ได้ แต่การใช้บิตคอยน์ชำระค่าสินค้าและบริการนั้นถือเป็น “ความเสี่ยงมหันต์” ต่อเสถียรภาพทางการเงิน จริยธรรมทางการเงิน และการคุ้มครองผู้บริโภค
ด้วยเหตุนี้ ทางผู้อำนวยการคณะบริหารของ IMF จึงขอให้ทางการเอลซัลวาดอร์ “ลดขอบเขตของกฎหมายบิตคอยน์โดยการถอนสถานะของบิตคอยน์ในการเป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายออก” รวมถึงยังแสดงความกังวลเรื่องความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการออกพันธบัตรบิตคอยน์อีกด้วย
การที่ทาง IMF มอบคำแนะนำดังกล่าวให้กับเอลซัลวาดอร์นี้เกิดขึ้นหลังจาก IMF จัดการประชุมหารือ (Article IV Consultation) กับประเทศเอลซัลวาดอร์ ซึ่งทาง IMF ระบุว่า ระหว่างการประชุมหารือดังกล่าว ทาง IMF จะส่งทีมนักเศรษฐศาสตร์ไปยังประเทศที่จัดการประชุมหารือ “เพื่อประเมินเศรษฐกิจและการพัฒนาทางการเงิน รวมถึงหารือเกี่ยวกับเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินของประเทศนั้น ๆ กับเจ้าหน้าที่รัฐและธนาคารกลาง”
ก่อนที่ประเทศเอลซัลวาดอร์จะประกาศใช้กฎหมายบิตคอยน์ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทาง IMF ก็ได้เตือนว่า ผลที่ตามมาบางอย่างต่อประเทศที่ใช้บิตคอยน์เป็นสกุลเงินประจำชาตินั้น “อาจหนักหนาสาหัส” ซึ่งผลที่ตามมาดังกล่าวประกอบไปด้วยความเสี่ยงที่ราคาสินค้าและบริการในประเทศจะขาดความคงตัวอย่างหนัก รวมถึงอาจเกิดการใช้สินทรัพย์ที่ขัดแย้งกับมาตรการต่อต้านการฟอกเงินและการให้เงินสนับสนุนก่อการร้าย โดยก่อนหน้านี้ IMF ก็ได้ออกแถลงการณ์เตือนประเทศเล็ก ๆ ที่กำลังพิจารณาจะนำเอาสกุลเงินคริปโตมาใช้ในประเทศว่า การกระทำดังกล่าว “จะเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐศาสตร์มหภาคและเสถียรภาพทางการเงิน รวมถึงจริยธรรมทางการเงินอีกด้วย”
ผู้เขียน สิทธิพงศ์ จารุประทีปกุล
บรรณาธิการ สกรรจ์ ศิริวงษ์