ธนาคารกลางสหรัฐเผยแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังวิกฤติ COVID-19
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาพุ่งสูงสุดในรอบเกือบหกสัปดาห์ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ออกมาประกาศแผนเพิ่มอัตราดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤติโรคระบาด COVID-19 เป็นครั้งแรก ซึ่ง Fed (Federal Reserve) คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปและปรับขึ้นในปี 2023 โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์โรคระบาดเริ่มดีขึ้นแล้วและเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยลง
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับอีก 6 สกุลในตะกร้าค่าเงินหลัก เพิ่มขึ้น 0.63% ที่ระดับ 91.103 ดอลลาร์ ซึ่งนับว่าเป็นการเพิ่มสูงสุดตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 0.39% หรือเท่ากับ 110.49 เยน ซึ่งนับว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่เดือนเมษายน
แผนการรับมือดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงภาพรวมของภาวะเงินเฟ้อที่ก้าวกระโดดในปีนี้ แม้ว่า Fed มองว่าราคาที่สูงขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นเพียง ‘ชั่วคราว’ อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้จะเพิ่มขึ้น 7%
เงินดอลลาร์ร่วงฮวบมาตลอดทั้งปี 2020 แต่เมื่อต้นปี 2021 ดอลลาร์ก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาแล้ว แม้ว่าจะมีท่าทีชะลอตัวลงในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากนักลงทุนยังเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่ออุ้มเศรษฐกิจต่อ นักวิเคราะห์ชี้เพิ่มว่า แม้ว่าคำสั่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ช่วยหนุนให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ การแถลงมาตรการรับมือครั้งนี้ทำให้สกุลเงินที่ไวต่อความเสี่ยงผกผันอย่างรุนแรง อาทิ ดอลลาร์นิวซีแลนด์ลดลงไปที่ 0.7049 ดอลลาร์ หรือ 0.98% และดอลลาร์ออสเตรเลียขึ้นไปที่ 0.7612 ดอลลาร์หรือ 0.95%
สถานการณ์บิตคอยน์ตอนนี้ก็เริ่มชะลอตัวลงเช่นกัน หลังจากราคาร่วงลงไปที่ 38,430.03 ดอลลาร์หรือ 4.34%
ผู้เขียน สกรรจ์ ศิริวงษ์
บรรณาธิการ ไอลดา แสงผดุง