ร้านค้าปลีกในอังกฤษยังซบเซา ตลาดยังไม่คึกคักในช่วงนอกเทศกาล

ตัวเลขผู้ซื้อของในประเทศอังกฤษร่วงลงร้อยละ 6.7 ในสัปดาห์ที่สองของเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบกับสัปดาห์แรกที่พุ่งกระฉูดถึงร้อยละ 11.6 เนื่องจากตรงกับวันหยุดของโรงเรียนและสภาพอากาศเอื้ออำนวย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่ 2019 ก่อนจะเกิดสถานการณ์โรคระบาด ตัวเลขร่วงไปถึงร้อยละ 18.4

จากการสำรวจตัวเลขพบว่า การซื้อของในร้านบนถนนสายหลัก (high streets) ลดลงร้อยละ 9 ส่วนร้านในห้างสรรพสินค้าลดลงร้อยละ 7.5 และร้านค้าปลีกลดลงร้อยละ 0.9 

Diane Wehrle ผู้บริหารฝ่ายการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของ Springboard อธิบายว่า ร้านค้าปลีกต้องทนทุกข์กับภาวะจิตตกหลังวันหยุด ด้วยจำนวนลูกค้าที่ร่วงลงอย่างหนักหลังจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ทำยอดขายพุ่งกระฉูด เนื่องจากตรงกับวันหยุดโรงเรียนและวันหยุดธนาคาร อีกทั้งยังเป็นวันที่อากาศอำนวยให้ออกไปซื้อของอีกด้วย

ร้านค้าปลีกเหล่านี้ในประเทศอังกฤษและเวลส์ก็เพิ่งได้กลับมาเปิดขายอีกครั้งในวันที่ 12 เมษายน หลังจากการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์กว่าสามเดือน ร้านค้าในสกอตแลนด์กลับมาเปิดวันที่ 26 เมษายนและไอร์แลนด์เหนือกลับมาเปิดในวันที่ 30 เมษายน

ซ้ำร้าย มาตรการผ่อนปรนล็อกดาวน์ที่นายกรัฐมนตรี Boris Johnson วางแผนไว้ว่าจะยุติในเดือนนี้ก็เลื่อนออกไปอย่างน้อย 1 เดือนเนื่องจากตรวจพบโคโรนาไวรัสสายพันธุ์อินเดียระบาดภายในประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มว่ายอดผู้ซื้อจะไม่ฟื้นตัวขึ้นภายใน 1 เดือนนี้

อย่างไรก็ตาม Wehrle ยังคาดการณ์ต่อว่า ยังพอมีหวังกับครึ่งเดือนหลังของเดือนกรกฎาคมนี้ เพราะยอดผู้ซื้อน่าจะพุ่งอีกครั้งเนื่องจากประจวบเหมาะกับช่วงเวลาของการปิดภาคเรียนฤดูร้อนพอดี

ผู้เขียน สกรรจ์ ศิริวงษ์

บรรณาธิการ ไอลดา แสงผดุง